Fic SNSD ไม่เคยมีใครมารัก YoonSeo (Yuri) - Fic SNSD ไม่เคยมีใครมารัก YoonSeo (Yuri) นิยาย Fic SNSD ไม่เคยมีใครมารัก YoonSeo (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    Fic SNSD ไม่เคยมีใครมารัก YoonSeo (Yuri)

    ฉันอยากจะเจอใคร ที่รักฉันจริงสักคน รักตัวตนที่แท้จริง ไม่ใช่รักแค่รูปร่างหน้าตาหรือฐานะของฉัน พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ลูกได้เจอคนๆนั้นด้วยเถิดค่ะ 100%เต็มแล้วค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    4,413

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    4.41K

    ความคิดเห็น


    31

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ก.พ. 55 / 20:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     แอบมาเปิดเรื่องฉลองฟิควันเกิดให้ยุนอาออนนี่ ทั้งๆที่มันเหลืออีกสิบวัน กร๊าก จะบอกว่าเรื่องนี้ทุ่มเทภาษามากกว่าเรื่องที่ผ่านๆมา กลัวไม่มีเวลามาเปิดให้ เพราะ งานท่วมหัว ไม่รู้จะสั่งอะไรกันมากมาย แต่ว่ามิลค์ก็ทำเสร็จแล้วแหละ ทั้งๆที่ส่งอาทิตย์หน้า เพราะมิลค์กลัวงานค้างไง ฮ่าๆ เอาเป็นว่า ใกล้ๆวันเกิดยุนอาออนนี่จะมาลงให้ค่ะ 
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
             ฉันอยากจะเจอใครที่รักฉันจริงสักคน รักที่ตัวตนที่แท้จริง ไม่ใช่รักที่รูปร่างหน้าตาหรือฐานะของฉัน พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ลูกได้เจอคนๆนั้นด้วยเถิดค่ะ


             วันนี้ฉันขอพรจากพระเจ้าเรื่องความรักครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของว้น ถึงหลายๆคนอาจจะมองว่า ฉันบ้า  ที่วันๆเอาแต่คิดเรื่องความรัก อยากจะเจอเนื้อคู่ด้วยอายุเพียงแค่นี้  แต่ฉันมองว่า อะไรๆที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวอยู่แล้วทั้งในเรื่องงาน ครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่เคียงข้าง เหลือแต่คนรักเนี่ยสิ หายากชะมัด


             " คุณยุนอา ยอดรายได้เดือนนี้ของคุณทำได้เกินสามล้านวอน ผมจะเพิ่มเงินเดือนให้คุณอีกสองเท่า พร้อมเลื่อนตำแหน่งให้คุณเป็นระดับเพชร แต่ถ้าเกินเป้ามากกว่านี้ผมจะแถมบ้านพร้อมที่ดินให้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น"


             เจ้านายของฉันกล่าวพร้อมด้วยเสียงปรบมือดังไปทั่วห้องประชุมแค่นี้ก็ทำให้ฉ้นยิ้มได้แล้ว ไม่เสียแรง ที่ได้ลงบ้าลงแรงทำในสิ่งที่ตนเองรักและใฝ่ฝันมาตลอด


              ธุรกิจที่ฉันทำอยู่ คือ ขายตรง เกี่ยวกับอาหารเสริม เครื่องสำอางค์ เพระฉะนั้น ฉันจึงต้องดูแลรูปร่างหน้าตาให้ดีอยู่เสมอ และวันหนึ่งๆ ฉันก็ต้องเจอกับลูกค้ามากหน้าหลายตาทั้งผู้ชายและผู้หญิง  บ่อยครั้งที่มีคนมาขายขนมจีบให้ฉัน และฉันก็ไม่เคยปฏิเสธเลย แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด สาเหตุก็เพราะงานของฉ้นต้องพบปะผู้คนมาก จึงมีเรื่องตามหึงหวงจนฉันรำคาญ หรือผู้หญิง ฉันก็คบ แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด สาเหตุก็เพราะฉันไม่ค่อยมีเวลาให้ ไม่ดีเลยซักอย่าง ดังนั้นฉันจึงทำแต่งาน งาน แล้วก็งาน จนแล้วจนรอดฉันก็ต้องการคนที่ฉันรัก และเขาก็รักฉันด้วยเช่นเดียวกัน เข้าใจและอดทนกับสิ่งที่ฉันเป็น แต่มันก็หายาก ไม่อย่างนั้น ฉันจะอ้อนวอนขอพระเจ้าในเรื่องนี้ทุกวันหาพระแสงดาบเลเซอร์ทำไม?


            " ยุน วันนี้ไม่ไปทำงาน เฝ้าบ้านให้หน่อยสิ เดี๋ยวพี่กับสิก้าจะพาซูจองไปสวนสัตว์"


            ยูริพี่สาว(?)ของฉันพูดขึ้นก่อนจะจูงมือพี่สะใภ้พร้อมหลานสาวตัวแสบขึ้นรถแต่ก็ไม่ลืมดีดหน้าผากอันสวยงามของฉันเป็นของแถม

        
           " แหมๆกลัวจะไปสวีทกันสองคนจนลืมลูกนะสิ ฮ่าๆ"


           " เดี๋ยวกลับมาแม่จะตบกระโหลกร้าวเลย คอยดู!!! เฝ้าบ้านดีๆล่ะ ไอ่สัตว์เลือดผสม" 


           ว่าแล้วคุณพี่ของฉันก็ขับรถออกไปทันที ส่วนฉันก็ได้แต่มานั่งคิด สัตว์เลือดผสม ยังไงวะ ??? ต้องซูจองสิ สัตว์เลือดผสมตัวจริง(ลิง+เป็ด) กร๊ากกก เอ๊ะ! ยังไง





            จะให้อยู่บ้านแบบไม่ได้ทำอะไรเลยก็กระไรอยู่ ออกมาซื้อของเข้าตู้เย็นสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร ว่าแล้วฉันก็หยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์คันเก่งที่ไม่ได้ขี่มานานนมออกไปห้างแถวบ้าน จะซื้อให้เต็มตู้เย็นกันเลยทีเดียว(ไม่ได้ออกค่าไฟเอง) อีกทั้งเตรียมพวกเครื่องสำอางค์+อาหารเสริมไปขายในห้างด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว อิอิ





            ที่ห้างสรรพสินค้า ผู้คนมากหน้าหลายตา แต่ตอนนี้ฉันมาขายของ(?) ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายก็คือ พวกนักศึกษาและวัยทำงาน แล้วสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นกลุ่มนักศึกษาสามคนเดินมาแต่คนที่อยู่ตรงกลางเนี่ยสิ เหมือนกับมีออร่าเป็นประกายแวววับ ในความคิดของฉัน น่ารักจริงๆเลย เด็กกลุ่มนี้ นี่แหละ กลุ่มลูกค้าที่ฉันหามานาน ฉันไม่รอช้า รีบแอบตามกลุ่มนักศึกษาเหล่านั้นทันที แบบไม่ให้เธอรู้ตัว


            "พี่ตามพวกเรามาทำไมคะ?"


            เสียงจากด้านหลังทำให้ฉันหันไปมอง โอ้! พระเจ้า กินอะไรเล่าเธอ ถึงได้งามแสนงาม งามล้ำเกินคน นี่นางฟ้าชัดๆ


            "เอ่อ คือพี่...เอ่อ..."


            ฉันพยายามจะพูดออกมา ทำไมมันพูดไม่ได้ รู้สึกเขินๆอย่างบอกไม่ถูก


            "ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรค่ะ ฮาร่า นิคโคล เรากลับกันเถอะ" 


            เธอคนนั้นเรียกเพื่อนอีกสองคนก่อนจะเดินหันหลังไปโดยไม่สนใจฉัน แต่ฉันก็ต้องเรียกไว้  อยากขายของ เข้าใจไหมคุณน้อง พี่อยากขายของ


             "เดี๋ยวน้อง คือพี่จะมาแนะนำสินค้าตัวใหม่ เหมาะกับน้องมาก เป็นอาหารเสริมกินเข้าไปแล้วจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เพิ่มวิตามิน แร่ธาตุ ส่วนนี้ก็เป็นแป้งผัดหน้า มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ช่วยบำรุงให้ผิวหน้าขาวอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วก็ลิปกรอส สีออกชมพูๆระเรื่อ มีกากเพชรแวววาวด้วย ดูปากพี่"


             ฉันยื่นริมฝีปากให้พวกเธอดูเผยให้เห็น ลิปกรอสกากเพชรแวววาว ทั้งที่จริงฉันใช้อีกยี่ห้อหนึ่ง ก็ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะมาขายของนี่นา


             "ซอ ดูสิ น่าจะดีนะ พี่คะ แล้วขายแพงไหม?" 


             เด็กสาวซอยผมสั้นรูปร่างสูงหันมาถาม ส่วนฉันก็ได้แต่ยิ้ม งานนี้ได้ลูกค้าเป็นแน่


             "สำหรับน้องสามคน พี่ลดให้ราคาพิเศษ แค่เฉพาะพวกน้องเท่านั้นนะ เพราะพี่รู้สึกถูกชะตากับพวกน้องจัง"


             ฉันยิ้มอวดฟันขาวเป็นระเบียบออกมา น่ารักจัง ขอสามเลยได้ไหม แต่จริงๆแล้วชอบคนกลางมากที่สุด ดูขรึมๆดีไม่เหมือนอีกสองคนที่ยิ้มตลอดเวลา


            " แต่ฉันว่า เหมือนกับโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงยังไงก็ไม่รู้ พี่คะ พวกเราไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริมหรอก แค่กินอาหารให้ครบห้าหมู่ในแต่ละวันก็ดีเกินพอแล้ว ส่วนเครื่องสำอางค์ทั้งหลายพวกนี้ ฉันก็ไม่ค่อยได้ใช้หรอกค่ะ ถ้าพี่จะขาย พี่ก็ไปขายคนอื่นเถอะ ขอโทษนะคะ พวกเราไม่ซื้อ"


            แล้วเธอก็ดึงมือเพื่อนสองคนออกไปทันที ทิ้งให้ฉันยืนมองตาค้าง หน้าเหวอ =[o]= ไม่รู้ว่าตะลึงในความสวย หรือตะลึงที่น้องเธอพูดตรงไปตรงมาแบบนี้กันแน่


            "อาชีพนี้ไม่ได้หลอกลวง แต่แค่โฆษณาเกินจริง เพื่อให้ขายของได้ก็แค่นั้นเอง"





             ฉันพยายามเดินขายของ ถามหาลูกค้าไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ซื้อ  ทำไมกันนะ? ฉันว่าฉันก็พูดดีพรีเซนท์ดีทุกอย่าง พยายามหาแรงจูงใจเพื่อให้เขาซื้อตามที่ได้เรียนมา และจากประสบการณ์การขายมาหลายปี จนมานั่งคิดว่าตกลงวันนี้จะมาเพื่อขายของหรือซื้อของกันแน่ ตายล่ะ! ต้องซื้อของนี่นา เดี๋ยวซุปเปอร์มาเก็ตปิด ฉันไม่รอช้า รีบเดินก้าวเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ตแผนกอาหารสด วันนี้จะทำอะไรกินดี?





             สุดท้ายฉันก็เลือกซื้อได้ มีแครอท 2 หัว ข้าวโพด 2 ฝักใหญ่ ไก่และหมูรวม 1 กิโลกรัม ได้ของแล้วทำข้าวผัดดีกว่า เหลือของแห้ง งั้นเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง แล้วก็ทูน่าละกัน(กินคนเดียว ไม่แบ่งใครหรอก) จากนั้นฉันก็เดินไปดูของแห้งต่อ ฉันก็เป็นคนอย่างนี้แหละ ไม่เคยมีการวางแผนในชีวิตนอกจาก งาน!! แบ่งเวลาก็ไม่เป็น สาเหตุนี้เองที่ทำให้ฉันเลิกกับแฟนคนล่าสุด!!! โอ้!! คิดแล้วเศร้า T ^T เฮ้อ





              "ขอโทษนะคะ ถ้าบังฉันอยู่อย่างนี้ ฉันจะหยิบของได้ไหม?" 


              เสียงหวานใสทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ความคิดของตนเอง เสียงคุ้นเว้ยเฮ้ย แล้วฉันก็หันมาหาเจ้าของเสียง กล้าดีอย่างไรมาเรียกฉันแบบนี้


              "ก็อยากยืนตรง... อ้าว คุณน้อง มาซื้อของหรือจ้ะ" 


              กำลังจะวีนแตก  แต่พอมาเห็นคนน่ารัก ไอ่ที่กำลังของขึ้นก็พลันมลายหายไปทันที


              "ก็ใช่นะสิคะ ไม่งั้นจะบอกคุณทำไม ว่าแต่ คุณพูดจากวนพระบาทมากเลยนะคะ"


              เธอกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยยากจะคาดเดาว่าอยู่ในอารมณ์แบบใด


              "ขอโทษจ้ะ แหะๆ"


              ฉันหัวเราะเบาๆพลางเกาหัวแก้เขิน ทำไมน้องต้องทำให้พี่เขินด้วยไม่เข้าใจจริงๆแล้วเธอก็เอื้อมมือไปหยิบกระป๋้องปลาทูน่าที่ฉันบังไว้เมื่อครู่  พอดีกับที่ฉันจะยื่นมือไปหยิบทูน่ากระป๋องนี้พอดีทำให้มือของฉันจับมือของเธอเข้าพอดี ฉันหันไปสบตาเธอได้อย่างชัดเจน ทำให้เห็นดวงหน้าสวยกลม ตาโตเป็นประกาย จมูกโด่งรับกับใบหน้า ริมฝีปากอิ่มเผยอออกมาเล็กน้อย สวย สวยมาก สวยจนแทบลืมหายใจ สวยและน่ารักในเวลาเดียวกัน


              "จะจับมือฉันอีกนานไหมคะ?"


              เพราะเสียงหวานใสทำให้ฉันได้สติ ก่อนจะละมือออกจากใบหน้าสวยนั้น


              "ขอโทษจ้ะ คนสวย"

         
              คำหลังฉันพูดด้วยเสียงอันเบาหวิว นี่ฉันเผลอพูดอะไรออกไป?


              "คุณว่าไงนะคะ?"


              เธอทำตาปริบๆ เหมือนอยากรู้คำตอบ แต่ฉันก็ไม่บอกหรอก ยิ่งมอง ยิ่งน่ารัก ใครได้เป็นแฟนคงโชคดี ฉันคิดในใจแล้วก็ยิ้มออกมา


              "ฉันว่านะคะ คุณควรจะไปตรวจเช็คร่างกายหน่อยก็ดีนะ โดยเฉพาะ...สมอง ลาก่อนค่ะ"


              แล้วเธอก็เดินออกไป ทิ้งฉันไว้อีกแล้ว ฉันมองไปรอบๆเห็นคนมุงดูฉัน พลางทำท่าเหมือนหัวเราะไปด้วย ฉันจึงเลือกทูน่ากระป๋องก่อนจะรีบเดินออกจากตรงบริเวณนั้นด้วยความอับอาย เด็กคนนี้ทำฉันหน้าแตกมาสองครั้งของวันนี้แล้ว ตอนนี้เริ่มของขึ้นนิดๆ ที่คนสวยมักใจร้ายคงเป็นความสัจจริงสินะ





               หลังจากได้ของครบแล้ว ฉันก็รีบบึ่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน แต่ระหว่างทางทำไมจู่ๆฝนถึงตกอากาศมันเป็นบ้าอะไร? เทวดาเพิ่งปวดฉี่หรอ ถึงฝนตก ในความเชื่อของฉัน คือ ฝนตกเกิดจากเทวดาปัสสาวะลงมาบนพื้นโลก ถึงแม้จะเรียนว่า ฝนตกเกิดจากไอน้ำลอยขึ้นไปในอากาศรวมกลุ่มกันเป็นก้อนเมฆ แล้วเมื่อก้อนเมฆได้รับความเย็นก็ตกลงมาเป็นฝนก็เถอะ แต่เทวดาฉี่มันฟังดูดีกว่าตั้งมากมาย ซึ่งคนคิดไม่ใช่ที่ไหน ก็พี่ยูริ พี่ของฉันเอง ขับรถไปเรื่อยๆมองวิวทิวทัศน์ยามฝนตกไปเรื่อยเปื่อย แล้วฉันก็เหลือบไปเห็นเด็กสาวในชุดนักศึกษากำลังนั่งอยู่ตรงป้ายรถเมล์ มือทั้งสองข้างกอดตัวเองไว้ ฉันคิดว่า เธอคงจะหนาว ไม่รอช้า ฉันรีบจอดมอเตอร์ไซค์เทียบป้ายก่อนจะวิ่งเข้าไปหลบฝน ก็ดีกว่า ตัวเปียกปอนกลับบ้านแล้วกัน


               " หนาวไหม? " 


              ฉันถามท่ามกลางความเงียบ วันนี้ทำไมรถน้อยจัง ผ่านมาบางทีก็เห็นแค่คันสองคันเท่านั้น


              "ก็หนาวนะคะ อ้าว คุณเซลล์" 

         
              เสียงหวานใสคุ้นๆทำให้ฉันหันไปมองคนข้างๆ ว่าแล้วไง น้องน่ารักนี่เอง


              "ทำไมมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะจ้ะ?" 


              ฉันถามเสียงหวานก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้เธอทีละนิดๆ


              แล้วพี่จะรู้ไปทำไมหรอคะ มันจำเป็นพี่ตรงไหน?"


              เธอถามอย่างสงสัยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ในความคิดของฉัน คือ เหมือนน้องเขาด่าฉันประมาณว่า อย่าสอใส่เกือก เรื่องของฉันอะไรประมาณนี้


              "มันไม่จำเป็นหรอกจ้ะ แต่พี่คิดว่า ดึกแล้ว เดี๋ยวกลับบ้านคนเดียวมันจะอันตราย แล้วไหนฝนจะตกอีก พวกมิจฉาชีพสิบแปดมงกุฎ ถ้ามันข่มขืนน้องจะทำยังไง"


              ฉันพล่ามชักแม่น้ำทั้งห้าขึ้นมาหว่านล้อม เพื่อหวังจะไปส่งเธอที่บ้านก็แค่นั้น การพูดที่ใช้ในการขายตรงเอามาใช้กับตรงนี้ก็ดีเหมือนกัน น่าแปลกที่ทำไมฉันรู้สึกอยากจะเข้าหาเธอ ไม่เหมือนกับคนก่อนๆที่จะเข้ามาหาฉันเองโดยไม่ทำอะไร


              "ฉันว่าฉันรอบคอบพอที่จะไม่ให้ใครมาทำอะไรได้หรอกค่ะ ฉันคิดว่า พวกเซลล์ขายตรงยังไว้ใจไม่ได้มากกว่าอีก อ้อ อีกอย่างหนึ่ง นี่เพิ่งจะหนึ่งทุ่มเองนะคะ รถเมล์มาพอดี ฉันไปล่ะ หวังว่าคงจะไม่เจอกันอีก "


             แล้วเธอก็ขึ้นรถเมล์ที่มาจอดเทียบป้ายไป ทิ้งฉันยืนค้างไว้อยู่คนเดียว ก่อนที่จะก้มลงมาดูนาฬิกา พบว่า เข็มสั้นชี้ไปที่เลข10 เข็มยาวชี้ไปที่เลข7 ค้าง เวร!!!! นาฬิกาตายอีก เซ็งๆๆๆ


                 "ติ๊ดๆ Rrrrrr" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันกดรับทันที เพราะไม่ต้องดูก็รู้ว่าใคร


               "ว่าไงห้ะ พี่ยูล" ฉันกรอกเสียงเสียงลงไป


               "ก็ไม่มีอะไร พี่แค่จะบอกว่า ตอนนี้อยู่ที่เกาะนามิกับสิก้าและก็ซูจองอีก 3 วันถึงจะกลับ"


               "อ้าวไม่ได้ไปสวนสัตว์หรอกหรอ???"


               "ก็ไป แต่ว่าระหว่างทางคุยเพลิน ขับไปขับมาก็เลยมาถึงที่เกาะนามิ พี่กะไว้ว่าจะไปอยู่สักสองสามวันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก และได้ปั้มน้องให้ซูจองด้วย คริ คริ"


               ปลายสายหัวเราะอย่างสนุกสนานจนฉันต้องส่ายหัวไปมา ถ้าพี่สะใภ้ได้ยินมีหวังพี่ของฉันโดนตบเกรียน(?) แน่ๆ หรือบางทีอาจจะโดนเอฟเฟกต์บางอย่างที่ฉันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้บวกกับการนอนนอกห้องไปโดนปริยาย


                " งั้นฉันก็อยู่คนเดียวอีกแล้ว เบื่อจัง"


                " แกก็หาสักคนสิวะ เห็นมาหลายคน ไม่เคยเห็นจะอยู่นานเกินหนึ่่งเดือนแล้วก็...." 


                พี่แกพูดไม่ทันจบ ฉันก็กดตัดสายทิ้งทันที เพราะไม่อยากได้ยินอีก ก็ใช่สิ ฉันมันคนไม่มีแฟน ชีวิตของฉันนอกจากขายตรงแล้ว ก็ไม่มีอะไรอีกเลย ชีวิตที่ไร้การวางแผน ไร้แก่นสารไปวันๆ อาชีพที่่ต้องพูดโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้ได้ขายแล้วยอดตามเป้าที่เขากำหนด มันคงดูเหมือนหลอกชาวบ้านมากๆ แต่จะให้ฉันทำอย่างไร ในเมื่อฉันรักงานด้านนี้มาก มากจนคิดว่าถ้าโดนไล่ออกจากงาน ชีวิตนี้จะเอาอะไรกิน  คิดมากไปก็ปวดหัว  ฝนหยุดตกแล้ว ฉันจึงขี่รถคันเก่งของตนเองกลับบ้าน





               ฉันตื่นขึ้นมาพลางดูนาฬิกาที่หัวเตียง เพิ่งเจ็ดโมงเองหรือนี่ ไม่น่าเชื่อ ว่าฉันจะตื่นเร็วขนาดนี้ ปกติตื่นเอาตอนเก้าโมง เพราะที่บริษัทเริ่มทำงานตอนสิบโมง แต่ก็ดีเหมือนกัน ตื่นเช้ามีอะไรให้ทำอีกมากมาย แล้วฉันก็ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ ทำอะไรไปตามเรื่อง       


               ต้นไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ วันนี้มันถูกรดน้ำด้วยฝีมือของฉัน เพราะปกติผู้ที่ทำหน้าที่นี้คือ พี่ยูริ หรือไม่ก็หลานสาวตัวแสบอย่างซูจอง ฉันเหลือบไปเห็นต้นกล้วยไม้ข้างๆบ้านกัน ออกดอกสะพรั่งสวยงาม ส่วนรอบบ้านก็ดูร่มรื่นอ่อนหวาน คิดว่าคนที่จัดสวนนี้ต้องดูอ่อนหวานแล้วก็น่ารักมากแน่ๆ สักพัก ฉันก็เห็นมีหญิงสาวร่างบางโปร่ง ปล่อยผมยาวสลวยเลยบ่า อายุน่าจะราวๆยี่สิบแล้วนะ แต่ทำไมถึงใส่ชุดนอนลายเคโรโระอยู่เลย ว่าแต่ทำไมหน้าคุ้นๆจัง


               ฉันค่อยๆจ้องมองเธอ รอให้เธอหันมา เหมือนเธอจะรู้ตัวว่ามีคนจ้อง เธอก็เลยค่อยๆหันมาช้าๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆอย่างมีความสุขท่ามกลางสวนดอกไม้ในบ้าน ใช่แล้ว!! น้องคนเมื่อวานที่เจอกันที่ห้างนี่นา อยากจะโกรธก็โกรธไม่ลงที่เมื่อวานทำฉันหน้าแตกถึงสองครั้ง ผู้หญิงอะไรน่ารักชะมัด เพิ่งเห็นสภาพตอนตื่นนอนของเธอแล้ว ก็ยิ่งดูน่ารักเข้าไปอีก แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่ใส่ชุดนอนลายเคโรโระ -*- ไม่รอช้า ฉันรีบเดินเข้าไปทักทายทันที


                "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณน้อง บังเอิญจังเลยนะคะที่เราได้อยู่บ้านติดกัน" 


                ฉันเข้าไปทักทายอย่างอารมณ์ดี ดูท่าทางเธอคงตกใจไม่น้อยที่เห็นฉันอยู่ที่นี่


                "อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณเซลล์"


                เธอทักตอบเสียงเรียบๆก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป แต่ฉันก็เรียกเธอไว้ได้ก่อน


                "ไม่คิดจะคุยกันหน่อยหรอ อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนบ้านกันนะ"


                "ฉันจะคุยกับคนที่ดี ไม่โกหกหลอกลวง แล้วก็มีมารยาทค่ะ"


                แล้วอย่างพี่โกหกหลอกลวงตรงไหน???"


                ฉันถาม ทำไมเธอพูดแบบนี้อีกแล้ว ก็ฉันบอกแล้วไงว่า ขายตรงเป็นธุรกิจอย่างหนึ่งเพื่อให้ได้ลูกค้า ฉันก็ต้องพูดโฆษณาบ้างอะไรบ้าง แต่สาบานได้ ฉันไม่เคยหลอกลวงใครทั้งนั้น


               "ก็่ขายตรงเนี่ย คนขายก็ต้องพูดให้สินค้าที่ต้องการขายดูดี พูดแต่ข้อดี ไม่รู้จักพูดข้อเสีย พอคนใช้ไป บางทีก็ได้โทษจากมัน แทนที่จะได้รับประโยชน์"


               "แต่มันก็ไม่ใช่กับพี่นะ พี่ขายด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้หลอกลวง เพราะพี่ก็ใช้สินค้าที่จะขายเหมือนกัน(หรอ) ประโยชน์กัีบโทษมันก็ต้องมีเหมือนกัน แต่พี่ก็พูดให้ลูกค้าชั่งน้ำหนักกันเอาเองนะ"


               ฉันพยายามอธิบายให้เธอเข้าใจ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจฉันเลยแม้แต่นิดเดียว


               "ฉันไม่เชื่อค่ะ!!!!!"





               รถยนต์คันหรูมาจอดตรงหน้าบ้านฉัน จะเป็นใครไปไม่้ได้นอกจากครอบครัวของพี่ยูริ พี่ของฉันเอง ไม่ทันไร หลานสาวตัวแสบก็วิ่งเข้ามากอดฉัน แต่เอ๊ะ! ยังไม่สามวันเลยนี่นา ทำไมถึงกลับมากันแล้วล่ะ  งง


               "อายุนๆ ซูจองซื้อของมาฝากอายุนๆเยอะแยะเลย อ้าวพี่ซอมาทำอะไรกับอายุนๆตรงนี้ล่ะคะ"

            
               เสียงของยัยหลานสาวตัวแสบทำให้ฉันกับเธออึ้งไปชั่วขณะ ทำอะไรนี่มันหมายความว่าอย่างไร????


              "ซูจอง พูดแบบนี้ได้ยังไง มันไม่สุภาพ ไปๆเข้าบ้าน ขอตัวก่อนนะยุนซอ เดี๋ยวพี่จะออกมาคุยด้วย"


             แล้วพี่สะใภ้ก็พาหลานสาวตัวแสบเข้าบ้านไป ก่อนที่พี่ยูริจะเข้ามาแทน


             "เพิ่งรู้จักกันหรอ ยุนซอ"


             "ใช่ค่ะ เพิ่งรู้จักกัน อาจารย์ยูริ" 


             เธอพูดอย่างนอบน้อม ก่อนจะหันมามองฉันด้วยแววตาเรียบเฉย ทำไมถึงไม่ชอบขี้หน้าฉัน อยากจะรู้จริง


             "เห็นแม่ของซอโทรมาบอกว่า จะไปดูงานที่ต่างประเทศเดือนหนึ่ง ไม่อยากให้ซออยู่คนเดียว ก่็เลยโทรมาบอกพี่ พี่เพิ่งกลับมาจากเกาะนามิเอง พี่ซื้อของมาฝากด้วย"


             แล้วพี่แกก็ยื่นของให้เธอ ส่วนเธอก็รับพร้อมกับกล่าวขอบคุณ โอ้!!!! นี่รู้จักกันขนาดนี้แล้วเชียว ไม่อยากจะเชื่อ แล้วทำไมฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ชิชะ


             "พี่ยูล ยุนขอคุยด้วยหน่อย ขอตัวนะน้องซอ"


             ฉันกึ่งลากกึ่งจูงพี่แกเข้าบ้านไป รู้สึกทุเรศตัวเองจริงๆเลย ที่เพิ่งรู้จัก รู้ชื่อเธอเมื่อวาน ทั้งที่อยู่บ้านติดกันมานานแล้ว แย่จริงๆ





              "แกมีอะไรถึงลากฉันเข้ามาในบ้าน"


              "ยุนอยากจะบอกว่า ยุนชอบน้องซออ่ะ พี่เข้าใจไหม รักแรกพบ เจอปุ๊บก็รักปั๊ปเลย แบบพี่กับพี่สิก้าไง"


             "แกก็พูดอย่างนี้กับทุกคนที่ผ่านมานั่นแหละ ไม่เห็นจริงจังสักคน ถ้าจะหลอกน้องเหมือนที่หลอกขายตรงของแกก็อย่าทำเลย มันไม่ดี มันบาป"  นี่ก็อีกคน นึกว่าจะเข้าใจฉัน สุดท้ายก็ไม่เข้าใจอยู่ดี  เลยได้แต่ถอนหายใจออกมา


              "ฉันไม่คิดจะหลอกน้องเขาสักหน่อย"


              "ถ้าแกรักจริง ฉันก็โอเค แล้วตกลงที่ลากเข้ามาเพื่อจะมาถามฉันเกี่ยวกับวิธีจีบใช่ไหม แล้วเกิดมาไม่เคยจีบใครเลยหรือไง!!!!"  ฉันถึงกับยิ้มออกมาพยักหน้ารับ


              "แกก็รีบทำคะแนนสิ ช่วงนี้แม่ของน้องซอไปทำงานที่ต่างประเทศ แกก็่อาสารีบหน้าที่ไปรับไปส่ง ทำกับข้าวให้กิน รู้จักแบ่งเวลาไม่ใช่ทำแต่งานๆๆๆ แล้วก็รู้จักวางแผน เพราะน้องซอเขาชอบคนมีสาระในการดำเนินชีวิต"  


              ไิอ้ที่พูดๆมาทั้งหมด มันตรงข้ามกับฉันอย่างสิ้นเชิง อยากจะบ้าตาย แล้วจะทำได้ไหมเนี่ย!!!!


             "แหมๆๆ รู้จักกันดีจริงๆเลย" ฉันแซวขำๆ


             "ก็แน่สิ ฉันกับสิก้าเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยของน้องซอนี่นา เอาเป็นว่ายังไงก็แล้วแต่ฉันก็จะเป็่นกำลังใจให้ ไอ่น้อง สู้ๆ "


             แล้วพี่แกก็ตบไหล่ฉันเบาๆ พลางดีดหน้าผากของฉันไปด้วย


             " โอ้ย" ฉันร้องออกมาเบาๆ ก่อนจะยิ้มอย่างหมายมั่น ต้องทำให้ได้ๆๆๆๆ






             ฉันตื่นแต่เช้า  เพื่อจะได้ไปส่งเธอ  แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รอฉันเท่าไรนัก งานนี้จะพลาดไม่ได้แม้แต่วันเดียว


             "น้องซอ พี่มาแล้ว  รอด้วย"  


             ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาเธอทันที  เธอค่อยๆหันมาก่อนจะทำเสียงเรียบ


             "มาทำไมหรอคะ"


             "ก็มารับน้องซอไปมหาวิทยาลัยไงคะ" 

         
             ฉันตอบยิ้มๆแต่ดูเหมือนว่า  เธอจะไม่ได้ยิ้มตามฉันเลยแม้แต่น้อย


             " ใครใช้ไม่ทราบ???"


             "หัวใจพี่ใช้ค่ะ ^ ^"


             "ฉันไปเองได้ คงไม่ต้องใช้ใครหรอกค่ะ"  


             ว่าแล้วคุณเธอก็เดินออกไปทันที  ฉันไม่รู้ทำอย่างไร  เลยเดินไปจับข้อมือของเธอเบาๆ
             "พี่ไม่รู้ว่าน้องซอเกลียดอะไรในตัวพี่ แต่พี่ขอโอกาสได้ไหม ให้พี่ได้เป็นคนดูแลซอ ให้โอกาสพี่นะ"


             "ปล่อยมือฉันได้หรือยังคะ" 

            
             "ให้โอกาสพี่ได้หรือเปล่า"  ฉันถาม พลางส่งแววตาซึ้งๆไปให้เธอรับรู้


             "ก็ได้ค่ะ" 


              เธอถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินไปที่รถของฉัน ฉันยิ้มอย่างดีใจ สำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว





             ช่วงบ่าย หลังจากวันนี้เลิกขายของ(?) ฉันก็อาสาไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยเพราะฉันไม่อยากให้เธอนั่งรถเมล์คนเดียว 


             "มาตรงเวลาดีมากนะคะ คงจะทำได้อย่างนี้ทุกวันนะ" 


             เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเรียบอีกเช่นเคย  ฉันก็ได้แต่พยักหน้ารับ


             "เพื่อน้องซอ พี่ทำได้อยู่แล้ว" 


             "ให้มันจริงเถอะค่ะ วันนี้ฉันขอกลับบ้านเลยก็แล้วกัน"


             แล้วเธอก็เดินไปที่รถของฉันอีกเช่นเคย ปล่อยให้ฉันเดินตามหลัง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันก็ดีแล้วที่เธอพูดกับฉันบ้าง ดีใจจัง


             กลับมาถึงบ้าน เธอก็ตรงไปที่บ้านของเธอทันที ส่วนฉันก็เตรียมไปซื้อวัตถุดิบทำอาหารเย็น พี่ พี่สะใภ้ หลานสาวจอมแสบก็ยังไม่กลับมา สงสัยต้องทานอาหารเย็นกับเธอแล้วกระมัง
            "น้องซอ พี่ซื้ออาหารเย็นมาให้ ทานไปก่อนนะ "


            แล้วฉันก็ยื่นกล่องอาหารที่ข้างในเต็มไปด้วย ไก่ทอด เฟรนไฟส์ แฮมเบอร์เกอร์ ตอนแรกก็กะจะทำ แต่ไปๆมาๆก็ขี้เกียจ


            "ฉันไม่กินอาหารพวกนี้หรอก คุณกินเถอะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ ถ้าอยากตายก็เชิญทานไปคนเดียวเถอะ" แล้วเธอก็เดินเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ


            "ทำไมคุณต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้ด้วย คุณหวังผลประโยชน์อะไรจากฉันหรือเปล่า??"


            ฉันส่ายหน้าพัลวันปฏิเสธคำพูดที่เธอพูดมาทั้งหมด ก่อนที่ฉันจะหันไปสบตาเธอ จ้องเข้าไปในดวงตากลมโตนั้น


            "พี่ไม่เคยคิดจะหลอกน้องซอแม้แต่นิดเดียว ถึงพี่จะเป็นเซลล์ขายตรง แต่เวลาพี่รักใคร พี่รักจริง รักด้วยหัวใจทั้งหมดที่พี่มี"


            เธอเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ


            "เอาเป็นว่าฉันจะเอาคำพูดของคุณไปพิจารณานะคะ" แล้วเธอก็เดินจากไป


            "อ่อ ลืมบอก ฉันชอบอาหารที่ดีกับสุขภาพ ไม่ใช่ อาหาร ขยะ พวกนี้ค่ะ"


            "ได้สิ แล้วพี่จะทำให้น้องซอกินทุกวันเลย"


            นับจากนี้ไปตลอดสามเดือนฉันจะต้องดูแลเธอให้ดีที่สุด ทำให้เธอพอใจ และที่สำคัญ ทำให้เธอมีความสุข นี่กระมัง ความรักที่พระเจ้าประทานมาให้คนธรรมดาที่ออกแนวไม่ได้เรื่องอย่างฉันได้รู้จัก





              ตลอดสามเดือนที่ผ่านมา(ไวอย่างโกหก) ทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก


              จากคนที่ตื่นสาย ก็ได้ตื่นเช้าขึ้นเพื่อไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย


               จากคนที่ไม่เคยรดน้ำในตอนเช้า ตอนนี้ก็เป็นคนรดมันทุกวัน


              จากคนที่ทำกับข้าวไม่เป็น ก็ต้องไปซื้อตำราอาหารดีๆมาทำให้เธอกิน


               ทุกสิ่งที่ฉันทำล้วนออกมาจากหัวใจของฉันทั้งสิ้น  มันทำให้ฉันมีความสุขเวลาที่ได้เห็นเธอยิ้มบ้าง ถึงแม้เธอจะเกลียดขี้หน้าฉันก็ตาม ไม่รู้ทำไมว่าเธอถึงเกลียดขี้หน้าฉันนัก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว วันนี้วันเกิดของฉัน เธอคงไม่รู้สินะ แต่ไม่เป็นไร คนอย่างฉันไม่เคยหวังอะไรอยู่แล้ว





             "คุณยุนอา ท่านประธานขอพบครับ" 


             เสียงของเลขาหน้าห้องประธานเรียกให้ฉันเข้าไปพบ หลังจากที่ไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย แล้วโดนเรียกเข้าบริษัทอย่างเร่งด่วน รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ


               
            " คุณทำงานมาหลายปีแล้ว เงินเดื่อนของคุณก็ไม่ใช่น้อยๆ ตอนนี้บริษัทของเรากำลังขาดทุนมาก ถึงแม้ว่าคุณจะหาลูกค้าให้เราได้มาก แต่ก็ไม่พอสำหรับจ่ายเงินเดือนพนักงาน เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการตัดปัญหา ผมจึงขอให้คุณ...."


            "ลาออก"  ฉันพูดแทน  ส่วนเขาก็ได้แต่พยักหน้ารับ ตอนนี้ในหัวของฉันตื้อไปหมด ทำไมต้องมีเรื่องเศร้าใจแบบนี้ในวันเกิดของฉันด้วย"


            "ฉันเข้าใจค่ะ ท่านประธาน"  ฉันรับเงินจากเขาก่อนจะเดินออกไป นี่สินะ ความเป็นจริงของชีวิต มีสุข เดี๋ยวมีทุกข์สลับกันไปมาอยู่อย่างนี้ เพิ่งทำงานที่นี่ได้สี่ปี โดนออกซะแล้ว


            กลับมาบ้านในตอนเย็นเพื่อให้ลืมความทุกข์  พรุ่งนี้ค่อยเริ่มหางานทำใหม่ ฉันคิดอย่างนี้ เดินเข้าไปในบ้าน ทำไมมืดอย่างนี้ รถพี่ฉันก็จอดอยู่ พยายามเปิดไฟแต่ก็เปิดไม่ออก รู้แล้ว ต้องมีใครไปปิดสวิตซ์มันแน่เลย มืดๆอย่างนี้ยิ่งกลัวผีอยู่ ค่อยๆเดินเข้าไปในความมืดทีละนิด ทีละนิด


            "พรึบบบบ"


            "กรี๊ดดดดด"


            "สุขสันต์วันเกิด ยุนอา" เสียงที่เปล่งพร้อมกันดังขึ้น มาอยู่กันทั้งครอบครัวเลยวันนี้ และที่สำคัญก็คือ วันนี้น้องซอสวยและน่ารักมากๆ เธอยิ้มกว้างให้ฉันเป็นครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆ


            "นี่ของขวัญจากทุกๆคนค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ"


            เธอกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ส่วนฉันก็ยิ้มกว้างไม่แพ้กัน น้ำตามันไหลออกมาอย่างไม่รู้่ตัว ไม่ได้เป็นน้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นความรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก


            "โตขึ้นอีกปีแล้ว หัดทำตัวเป็นผู้ใหญ่ซะบ้างสิลูก" 


            แม่ของฉันว่า แล้วฉันก็วิ่งไปกอดพ่อกับแม่ รู้สึกดีและอบอุ่นทุกครั้ง และในขณะเดียวกันก็นึกถึงตอนสมัยเด็กที่ชอบอ้อนพ่อแม่เป็นประจำ


            งานเลี้ยงวันเกิด ถึงแม้จะมีคนมาอวยพรไม่มากเหมือนทุกครั้ง แต่ฉันก็รู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง ดึกแล้วฉันเลยอาสาไปส่งเธอที่บ้าน เพราะเธอบอกว่า ช่วงสี่ทุ่มเป็นช่วงการเจริญเติบโตฟื้นฟูเซลล์ผิวอะไรประมาณนั้น ฉันก็ไม่ค่อยสนใจหรอก ก็นอนดึกมาตลอดนี่


            "วันนี้พี่มีความสุขมากๆเลยล่ะ" ฉันพูดกับเธอที่สวนหลังบ้านแสนสวยของเธอ


            "ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอคะ"


            "ดีที่สุด เพราะวันนี้ซอดีกับพี่มากๆเลยไง"


            ฉันบอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มกว้าง ส่วนเธอก็ได้แต่ยิ้มอย่างอายๆ ที่รู้ก็เพราะแสงไฟสปอตไลท์ส่องเข้ามา ทำให้เห็นใบหน้าของเธอที่แดงระเรื่อ แสดงว่าคงเขินฉันมาก 


            "แต่มันก็แย่อยู่อย่างหนึ่ง" ฉันหน้าสลดลงเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้


            "ทำไมหรอคะ?" 


            "ก็พี่ไม่ได้เป็นเซลล์แล้ว พี่ถูกไล่ออก"


            "แล้วพี่ไม่เสียใจหรอคะ"


            "ตอนแรกก็เสียใจ แต่พี่คิดได้ว่า เราจะได้ไม่ต้องทำในสิ่งทีี่เหมือนกับหลอกลวงใครอีก แล้วก็ได้ทำเพื่อคนที่พี่รัก ด้วยการเลิกเป็นเซลล์ อยากรู้ไหม ว่าคนที่พี่รักคือใคร??"


           "ซอ หรอคะ" เธอถามอย่างตรงๆและดูซื่อๆ แต่มันก็น่ารักในสายตาของฉัน ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเอามือของเธอมากุมเอาไว้ที่หัวใจของฉันเอง


           "ลองฟังสิ แล้วจะรู้" เราสองคนตกอยู่ในความเงียบ แล้วฉันก็ตัดสินใจพูดประโยคนี้ออกมา


           "พี่รักซอนะ แล้วซอล่ะ รักพี่บ้างไหม"


           "ซอก็่รักพี่ยุนค่ะ" เธอตอบ ฉันจึงดึงเธอเข้ามากอดด้วยความดีใจ


           "แล้วรักตั้งแต่เมื่อไหร่?" 


           "ก็รักตั้งแต่ที่พี่ยุนเข้ามาดูแลซอ ทำดีกับซอ จากทีีซออคติพี่ มันก็ลดลงเรื่อยๆ จนวันที่อาจารย์ยูริ มาบอกว่า พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของพี่ ซอก็เลยอยากทำให้พี่มีความสุขเหมือนที่พี่ทำกับซอบ้าง แต่ซอยังไม่ได้รักพี่แบบที่พี่รักซอหรอกนะคะ" ฉันค่อยๆคลายอ้อมกอดออก ทำไมเป็นอย่างนี้TT


           "เพราะซออยากให้เราคบกันแบบนี้เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน มากกว่า เพราะมิตรภาพแบบนี้มันยาวนานกว่าแบบคนรัก แต่ถ้าพี่ยุนต้องการแบบนั้น พี่ยุนก็คงต้องรอ พี่ยุนจะรอได้ไหมคะ?"


           "เพื่อซอ พี่รอได้เสมอ ต่อให้อีกกี่สิบปี พี่ก็จะรอ ซอไม่เหมือนคนอื่นที่พี่เคยคบมา เพราะซอเป็นคนมีสาระในการดำเนินชีวิต ซึ่งต่างกับพี่ที่ชีวิตนี้ไม่เคยมีอะไรดีซักอย่าง เราต่างกัน ทำให้เราเติมเต็มซึ่งกันและกันในส่วนที่ขาดหายได้ ตอนแรกพี่คิดว่าคนนิสัยเหมือนกันถึงจะเข้ากันและรักกันได้เสียอีก"


           ฉันเอามือโอบไหล่ให้เธอเอนศีรษะมาซบลงที่ไหล่ฉัน คืนนี้ดวงดาวสุกสกาวพราวแสง สวยงามกว่าวันไหนๆ เพราะฉันมีคนที่รัก และเธอก็รักฉันแล้ว


            เกิดมาไม่เคยมีใครมารัก 


            ก็เลยไม่รู้วิธีจะรัก ไม่เคยรู้จัก


            เฝ้ารอให้ใครสักคนมารัก


            เฝ้ารอให้ใครสักคนมาสอนรักแท้ให้ใจ


            วันเวลาที่ล่วงเลยมา แค่ขอสักคนเข้าใจ


            เธอจะรู้บ้างไหม คนนั้นที่ใจฉันขอคือ....เธอ


            "คนที่หัวใจพี่ขอให้รัก คนนั้นก็คือ ซอ แต่ตอนนี้พี่จะขอ..."


            "ขออะไรคะ??" เธอถามพลางดวงตากลมโตเป็นประกาย น่ารักน่าฟัดชะมัด


            "พี่สาวขอหอมแก้มน้องสาวคงไม่้ผิดใช่ไหม?" ไม่พูดเปล่า ฉันก็ใช้จมูกคลอเคลียแก้มใส ก่อนจะกดริมฝีปากกับจมูกเข้ากับแก้มหอมๆของเธอ ก่อนจะผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง


            "พี่ยุึนบ้า!!!" เธอตีแขนฉันด้วยความเขินอาย  แล้วฉันก็ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้ง


            คำขอของฉันที่ขอพระเจ้าไว้ ในวันนี้ก็ได้กลายเป็นความจริงขึ้นมา ขอบคุณท่านมากที่ทำให้ฉันได้มาเจอกับเธอ ได้รักได้ดูแลเธอ ไม่ใช้่ความรักที่ฉาบฉวยแบบที่ผ่านๆมา ฉันขอสัญญาว่า จะรักและดูแลเธอให้ดีที่สุด เท่าที่ฉันคนนี้ คนธรรมดาคนหนึ่งจะทำได้ตลอดไป ขอบคุณจริงๆค่ะ



                                                        HAPPY    ENDING

            
      .....................................................................................................................................

      เลยวันเก่งเฮียเหม่งมาแล้วง่า เพิ่งจบ อับอาย><
      เพราะงานเยอะพันตัวเลยลงไม่ได้ TT
      จบอย่างหวานเลี่ยนเป็นอย่างยิ่ง แต่งเองแทบอ้วก ฮ่าๆ
      หวังว่าทุกคนจะมีความสุขมากๆนะคะ

      ปล.ตายอย่างสงบกับคอนเสิร์ต เจแปนทัวร์ พี่แทหล่อได้อีก ><






      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×